ICSI เทคนิคเจาะจงเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์แบบตรงจุด
ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวล้ำอย่างมาก การมีลูกไม่ใช่เรื่องที่ต้องพึ่งโชคชะตาเพียงอย่างเดียว ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า “อิ๊กซี่” คือ หนึ่งในเทคนิคช่วยการเจริญพันธุ์ที่แม่นยำที่สุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะสำหรับคู่รักที่ฝ่ายชายมีปัญหาเรื่องอสุจิ
ICSI คืออะไร
ความหมายของ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) คือ เทคนิคที่พัฒนาเพิ่มเติมจาก IVF โดยใช้วิธีคัดเลือกอสุจิที่ดีที่สุดเพียง 1 ตัว แล้วฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรงด้วยเข็มเล็กระดับไมโคร ผ่านกล้องจุลทรรศน์ชนิดพิเศษ เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิแบบแม่นยำและลดโอกาสล้มเหลวจากการผสมไม่สำเร็จ
ในประเทศไทย คำว่า “อิ๊กซี่” ได้รับความนิยมในกลุ่มคนอยากมีลูก เพราะช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้จริง แม้ในเคสที่ยาก
ICSI แตกต่างจาก IVF อย่างไร
แม้ ICSI จะอยู่ในกระบวนการของ เด็กหลอดแก้ว เช่นเดียวกับ IVF แต่จุดต่างสำคัญคือ:
ICSI เหมาะกับใคร
เทคนิคอิ๊กซี่เหมาะสำหรับกลุ่มผู้มีภาวะมีบุตรยากที่ต้องการเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์แบบแม่นยำและตรงจุดที่สุด
ฝ่ายชายมีอสุจิผิดปกติ
- จำนวนอสุจิต่ำกว่ามาตรฐาน (Low sperm count)
- อสุจิเคลื่อนไหวช้า หรือไม่เคลื่อนไหวเลย
- รูปร่างของอสุจิผิดปกติ (Teratozoospermia)
เคยทำ IVF แล้วไม่ประสบความสำเร็จ
หากเคยทำ IVF แล้วไม่สามารถปฏิสนธิได้ แพทย์มักแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ ICSI ซึ่งให้การควบคุมที่แม่นยำกว่า และลดความเสี่ยงในการเลือกอสุจิที่ไม่เหมาะสม
ใช้เชื้ออสุจิจากการเจาะอัณฑะ
บางรายไม่สามารถหลั่งอสุจิได้ตามธรรมชาติ จำเป็นต้องใช้เทคนิคเจาะอัณฑะเพื่อนำอสุจิออกมา เช่น TESE หรือ PESA ซึ่งเหมาะกับการใช้ร่วมกับ ICSI
ต้องการคัดกรองพันธุกรรม (PGT)
ICSI เป็นเทคนิคที่เหมาะกับการผสมในกรณีที่จะมีการตรวจคัดกรองพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนย้ายกลับมดลูก เช่น PGT-A / PGD
ฝ่ายชายมีอสุจิผิดปกติ
- จำนวนอสุจิต่ำกว่ามาตรฐาน (Low sperm count)
- อสุจิเคลื่อนไหวช้า หรือไม่เคลื่อนไหวเลย
- รูปร่างของอสุจิผิดปกติ (Teratozoospermia)
เคยทำ IVF แล้วไม่ประสบความสำเร็จ
หากเคยทำ IVF แล้วไม่สามารถปฏิสนธิได้ แพทย์มักแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ ICSI ซึ่งให้การควบคุมที่แม่นยำกว่า และลดความเสี่ยงในการเลือกอสุจิที่ไม่เหมาะสม
ใช้เชื้ออสุจิจากการเจาะอัณฑะ
บางรายไม่สามารถหลั่งอสุจิได้ตามธรรมชาติ จำเป็นต้องใช้เทคนิคเจาะอัณฑะเพื่อนำอสุจิออกมา เช่น TESE หรือ PESA ซึ่งเหมาะกับการใช้ร่วมกับ ICSI
ต้องการคัดกรองพันธุกรรม (PGT)
ICSI เป็นเทคนิคที่เหมาะกับการผสมในกรณีที่จะมีการตรวจคัดกรองพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนย้ายกลับมดลูก เช่น PGT-A / PGD
ขั้นตอนการทำ ICSI
การทำ ICSI (อิ๊กซี่) มีขั้นตอนที่คล้ายกับ IVF โดยรวม แต่จะเน้นพิเศษในช่วง การผสมไข่และอสุจิ ซึ่งมีความละเอียดและแม่นยำมากกว่า
การกระตุ้นไข่ฝ่ายหญิง
แพทย์จะให้ยาฮอร์โมนชนิดฉีดเพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่มากกว่า 1 ใบ จากนั้นจะติดตามขนาดไข่ด้วยอัลตราซาวด์อย่างสม่ำเสมอ เมื่อไข่มีขนาดเหมาะสม แพทย์จะนัดฉีดยากระตุ้นไข่ตก (Trigger Shot) และเตรียมเก็บไข่ในอีก 34–36 ชั่วโมงถัดไป
การเก็บไข่และน้ำเชื้อ
- ฝ่ายหญิง: แพทย์จะใช้เข็มดูดไข่ผ่านช่องคลอดภายใต้ยาชา/ยาสลบอ่อน ๆ
- ฝ่ายชาย: เก็บน้ำเชื้อในวันเดียวกัน หรือใช้ตัวอย่างที่แช่แข็งไว้ล่วงหน้า
- ในกรณีอสุจิน้อยมาก แพทย์อาจใช้วิธี เจาะอัณฑะ (TESE หรือ PESA) เพื่อเก็บอสุจิ
การฉีดอสุจิเข้าเซลล์ไข่
นี่คือหัวใจสำคัญของ ICSI:
- นักวิทยาศาสตร์ใช้กล้องจุลทรรศน์ความละเอียดสูง
- คัดเลือกอสุจิที่รูปร่างดี และเคลื่อนไหวได้แม้เพียงเล็กน้อย
- ใช้เข็มระดับไมโครฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง
“ขั้นตอนนี้ช่วยให้แม้อสุจิที่อ่อนแอมากก็สามารถปฏิสนธิได้”
การเพาะเลี้ยงตัวอ่อนและย้ายกลับมดลูก
- ตัวอ่อนที่ผสมแล้วจะถูกเลี้ยงในตู้อบประมาณ 3–5 วัน
- ทีมแพทย์จะคัดเลือกตัวอ่อนที่แข็งแรงที่สุด
- ย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกในวันที่ 3 หรือ 5 ขึ้นอยู่กับแต่ละราย
ความแม่นยำและโอกาสสำเร็จของ ICSI
ความแม่นยำสูงกว่าการปฏิสนธิแบบธรรมดา
เนื่องจากแพทย์เป็นผู้เลือกอสุจิและฉีดเข้าสู่ไข่โดยตรง ทำให้ลดโอกาสล้มเหลวจากการผสมไม่สำเร็จ เช่นที่อาจเกิดขึ้นกับ IVF
- อัตราการปฏิสนธิ (Fertilization Rate): สูงถึง 70–85% ต่อไข่ที่ผสม
- อัตราการตั้งครรภ์สำเร็จ: โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 40–80% ต่อรอบ ขึ้นอยู่กับอายุฝ่ายหญิง
อัตราการปฏิสนธิ
อัตราการตั้งครรภ์สำเร็จ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลลัพธ์
- อายุและคุณภาพไข่ของฝ่ายหญิง
- ความสมบูรณ์ของอสุจิที่เลือกใช้
- การตอบสนองต่อยากระตุ้นไข่
- ความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก
ทำกี่รอบถึงจะติด
โดยทั่วไป แพทย์แนะนำ ไม่เกิน 3 รอบ หากยังไม่ประสบความสำเร็จควรพิจารณาตรวจคัดกรองเพิ่มเติม เช่น PGT หรือปรับแผนรักษา
การเตรียมตัวก่อนทำ ICSI
ตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
- ตรวจฮอร์โมนเจริญพันธุ์ของฝ่ายหญิง
- ตรวจอสุจิ (Semen Analysis) หรือเตรียมเจาะอัณฑะ
- ตรวจเลือดเพื่อคัดกรองโรคติดต่อหรือพันธุกรรม
วางแผนร่วมกับแพทย์
- วางแผนรอบการกระตุ้นไข่ให้เหมาะสม
- พิจารณาแช่แข็งไข่หรือตัวอ่อนในกรณีจำเป็น
- เลือกใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น ICSI + PGT หากมีความจำเป็น
ดูแลสุขภาพก่อนเริ่มทำ
- งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ และอาหารไขมันสูง
- พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด
- รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงคุณภาพไข่และอสุจิ เช่น โฟเลต วิตามิน E และโอเมก้า 3
การเตรียมตัวก่อนทำ ICSI
ตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
- ตรวจฮอร์โมนเจริญพันธุ์ของฝ่ายหญิง
- ตรวจอสุจิ (Semen Analysis) หรือเตรียมเจาะอัณฑะ
- ตรวจเลือดเพื่อคัดกรองโรคติดต่อหรือพันธุกรรม
วางแผนร่วมกับแพทย์
- วางแผนรอบการกระตุ้นไข่ให้เหมาะสม
- พิจารณาแช่แข็งไข่หรือตัวอ่อนในกรณีจำเป็น
- เลือกใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น ICSI + PGT หากมีความจำเป็น
ดูแลสุขภาพก่อนเริ่มทำ
- งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ และอาหารไขมันสูง
- พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด
- รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงคุณภาพไข่และอสุจิ เช่น โฟเลต วิตามิน E และโอเมก้า 3
ข้อดีของการทำ ICSI
เทคนิค ICSI (อิ๊กซี่) เป็นหนึ่งในวิธีที่ให้ความแม่นยำสูงที่สุดในกลุ่มเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ และเหมาะกับเคสที่ซับซ้อน โดยเฉพาะปัญหาด้านอสุจิ เพิ่มอัตราการปฏิสนธิ (fertilization rate) สูงกว่าวิธีทั่วไป
แม้จะมีอสุจิน้อยก็ยังมีโอกาสได้ลูก
สามารถใช้แม้อสุจิมีน้อย เคลื่อนไหวผิดปกติ หรือรูปร่างไม่สมบูรณ์ รวมถึงใช้ในกรณีที่ต้องเจาะเก็บจากอัณฑะ (TESE / PESA)
เพิ่มโอกาสสำเร็จจาก IVF ที่เคยล้มเหลว
หากเคยทำ IVF แต่ไม่สามารถปฏิสนธิได้ ICSI ช่วยแก้ปัญหานั้นได้อย่างแม่นยำ เพราะแพทย์จะควบคุมการเลือกอสุจิและฉีดเข้าเซลล์ไข่ด้วยมือ
เหมาะกับการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT)
ICSI เป็นวิธีที่ปลอดภัยเมื่อใช้ร่วมกับการตรวจคัดโครโมโซม เช่น PGT-A หรือ PGD เพื่อป้องกันโรคทางพันธุกรรมก่อนย้ายตัวอ่อนกลับมดลูก
ข้อควรระวัง / ความเสี่ยงของ ICSI
แม้จะมีข้อดีมาก แต่ ICSI ก็มีความเสี่ยงเล็กน้อยที่ควรรู้ล่วงหน้า ได้แก่
ความเสี่ยงจากการเจาะไข่แล้วไม่ได้ไข่ที่ดี
ในบางกรณี ไข่ที่ถูกเจาะอาจไม่สมบูรณ์หรือไม่ตอบสนอง ซึ่งอาจทำให้ปฏิสนธิไม่สำเร็จ
ตัวอ่อนหยุดการเจริญเติบโต
บางครั้ง แม้จะปฏิสนธิได้ แต่ตัวอ่อนอาจหยุดพัฒนา (embryo arrest) ซึ่งอาจเกิดจาก:
- คุณภาพของไข่หรืออสุจิ
- ความผิดปกติทางพันธุกรรม
- ความเครียด หรือสภาวะแวดล้อมที่กระทบกับกระบวนการ
“กรณีนี้ แพทย์จะปรับแผนการรักษาหรือใช้ตัวอ่อนที่แช่แข็งไว้ในรอบถัดไป”
ค่าใช้จ่ายและภาวะทางอารมณ์
ICSI มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีทั่วไป และต้องอาศัยความเข้าใจจากทั้งคู่ในการเตรียมตัว รวมถึงความอดทนในการเผชิญกับความไม่แน่นอน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ICSI ต่างจาก IVF อย่างไร
ICSI คือการฉีดอสุจิเข้าไข่โดยตรง ต่างจาก IVF ที่ปล่อยให้เกิดการปฏิสนธิโดยธรรมชาติ เหมาะกับคู่ที่อสุจิคุณภาพไม่ดี หรือเคยทำ IVF แล้วไม่ติด
ICSI ใช้เวลาแค่ไหนถึงรู้ผล
ประมาณ 7-10 วันหลังย้ายตัวอ่อน แพทย์จะนัดตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมนตั้งครรภ์ (hCG)
อสุจิน้อยมากแค่ไหนถึงควรทำ ICSI
หากผลตรวจน้ำเชื้อแสดงว่าอสุจิมีน้อยกว่า 5 ล้านตัว/มิลลิลิตร หรือมีความผิดปกติด้านการเคลื่อนไหว/รูปร่าง แพทย์มักแนะนำ ICSI เป็นทางเลือกที่เหมาะสม
ICSI เลือกเพศได้ไหม
สามารถทำได้โดยการตรวจคัดกรองพันธุกรรม (PGT-A) ซึ่งจะระบุโครโมโซมเพศได้ล่วงหน้า แต่ต้องเป็นไปตามจริยธรรมแพทย์ และกฎหมายไทย
อิ๊กซี่สามารถทำให้ได้ลูกแฝดไหม
ได้ หากแพทย์ย้ายตัวอ่อนมากกว่า 1 ตัวในรอบเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาปัจจัยเสี่ยงร่วมด้วย เช่น สุขภาพของคุณแม่ และความสมดุลของครรภ์แฝด
ICSI แล้วตัวอ่อนหยุดเจริญเติบโต เกิดจากอะไร
อาจเกิดจากคุณภาพของไข่หรืออสุจิไม่ดี, ความผิดปกติทางพันธุกรรม, หรือปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม แพทย์จะปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมในรอบถัดไป
สรุป – ICSI คือโอกาสสำคัญของครอบครัวที่รอปาฏิหาริย์
ICSI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือความหวังของคู่รักที่ฝันอยากมีลูก แม้จะซับซ้อนและต้องการการดูแลพิเศษ แต่ผลลัพธ์นั้นคุ้มค่า โดยเฉพาะในกรณีที่อสุจิมีปัญหา หรือเคยล้มเหลวจาก IVF มาก่อน