IUI ทางเลือกแรกของคนอยากมีลูก

การพยายามมีลูกอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบางคู่รัก แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน การตั้งครรภ์สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ หนึ่งในวิธีที่นิยมคือ IUI (Intrauterine Insemination) หรือ การฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก

ซึ่งเป็นทางเลือกแรก ๆ ที่คุณหมอมักแนะนำสำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากระยะเริ่มต้น เพราะขั้นตอนไม่ซับซ้อน และมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ในอัตราที่น่าพึงพอใจ

IUI คืออะไร

IUI (Intrauterine Insemination) คือ วิธีช่วยเจริญพันธุ์ที่ทำโดยการนำน้ำเชื้อของฝ่ายชายที่ผ่านการล้างและคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงแล้ว ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิงโดยตรง ในช่วงเวลาที่ไข่ตกพอดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ เป็นขั้นตอนที่ไม่เจ็บ ไม่ต้องดมยาสลบ และใช้เวลาเพียงไม่นาน

จุดประสงค์ของ IUI ถูกออกแบบมาเพื่อข้ามปัญหาบางประการ เช่น การที่อสุจิเคลื่อนที่ไม่ดี หรือมีจำนวนไม่มากพอ วิธีนี้ช่วยให้อสุจิเข้าใกล้ไข่มากที่สุด และเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ในคู่รักที่ยังมีท่อนำไข่ทำงานปกติ

IUI เหมาะกับใคร

ผู้หญิงที่เหมาะกับการทำ IUI

    • ผู้หญิงที่ยังมีการตกไข่ตามรอบเดือน
    • ท่อนำไข่ทั้งสองข้างทำงานได้ดี ไม่มีการอุดตัน
    • ไม่มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อย่างรุนแรง
    • อายุยังไม่มาก (ต่ำกว่า 38 ปี จะมีอัตราความสำเร็จสูงกว่า)

ผู้ชายที่เหมาะกับการทำ IUI

    • อสุจิมีจำนวนหรือการเคลื่อนไหวต่ำกว่าปกติเล็กน้อย (ไม่รุนแรง)
    • ไม่มีภาวะอสุจิผิดรูปร่างหรือปัญหาทางพันธุกรรมที่รุนแรง
    • สามารถเก็บน้ำเชื้อได้ตามขั้นตอนปกติ

การเตรียมตัวก่อนทำ IUI

ตรวจสุขภาพก่อนเริ่มกระบวนการ

ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำ IUI แพทย์จะตรวจวินิจฉัยสุขภาพของทั้งสองฝ่าย เช่น:

    • ตรวจระดับฮอร์โมนของฝ่ายหญิง
    • ตรวจสอบการตกไข่และการทำงานของท่อนำไข่
    • ตรวจวิเคราะห์น้ำเชื้อของฝ่ายชาย

การเตรียมตัวทางร่างกายและจิตใจ

    • ควรงดมีเพศสัมพันธ์ก่อนเก็บน้ำเชื้อประมาณ 2-3 วัน
    • นอนหลับให้เพียงพอ ไม่เครียด ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
    • ฝ่ายหญิงอาจต้องเตรียมตัวรับการกระตุ้นไข่ก่อนรอบการฉีดเชื้อ

รับคำแนะนำจากแพทย์แบบรายบุคคล

แพทย์จะประเมินประวัติสุขภาพ และแนะนำแผนการรักษาที่เหมาะสมตามปัจจัยของแต่ละคู่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

ขั้นตอนการทำ IUI

ขั้นตอนการทำ iui

การกระตุ้นไข่

แพทย์จะให้ยากระตุ้นไข่เพื่อเพิ่มโอกาสให้ไข่เจริญเติบโตมากกว่าปกติ จากนั้นจะติดตามการตกไข่ด้วยการอัลตราซาวด์และตรวจระดับฮอร์โมน เพื่อระบุเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฉีดเชื้อ

การเก็บน้ำเชื้อและเตรียมอสุจิ

ในวันนัดทำ IUI ฝ่ายชายจะเก็บน้ำเชื้อที่คลินิก จากนั้นนักวิทยาศาสตร์จะนำไปล้างและคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรง เพื่อเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ

การฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก

เมื่อถึงช่วงไข่ตก แพทย์จะทำการฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิงด้วยสายสวนเล็ก ๆ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานและไม่เจ็บมาก

การรอผลและติดตาม

หลังจากทำ IUI แล้ว แพทย์อาจให้ยาช่วยฝังตัวของตัวอ่อน และนัดตรวจผลการตั้งครรภ์ในอีกประมาณ 14 วันหลังจากทำ

อัตราความสำเร็จของการทำ IUI

ปัจจัยต่อความสำเร็จ

    • อายุของฝ่ายหญิง (อายุน้อยกว่า 35 ปี มีโอกาสสูงกว่า)
    • คุณภาพของอสุจิ
    • จำนวนไข่ที่ตกในรอบนั้น
    • ความพร้อมของร่างกายและภาวะทางจิตใจ

ค่าเฉลี่ยความสำเร็จโดยประมาณ

    • อายุน้อยกว่า 35 ปี: ความสำเร็จอยู่ที่ 15 – 20% ต่อรอบ
    • อายุ 35 – 39 ปี: 10 – 12%
    • อายุ 40 ปีขึ้นไป: น้อยกว่า 8%
15- 0 %

อายุน้อยกว่า 35 ปี

10- 0 %

อายุ 35-39 ปี

> 0 %

อายุ 40 ปีขึ้นไป

ทำกี่ครั้งถึงจะสำเร็จ

แพทย์แนะนำให้ทำ ไม่เกิน 3 รอบ หากยังไม่ตั้งครรภ์ควรพิจารณาเปลี่ยนวิธีการ เช่น IVF หรือ ICSI

ข้อดีของการทำ IUI

  • เป็นวิธีเริ่มต้นที่ ประหยัดและปลอดภัย
  • ขั้นตอนรวดเร็ว ไม่ต้องวางยาสลบ
  • ไม่ต้องผ่าตัดหรือแอดมิทนอนโรงพยาบาล
  • เหมาะสำหรับคู่รักที่ยังมีปัจจัยพื้นฐานพร้อม เช่น ท่อนำไข่ปกติ หรืออสุจิไม่บกพร่องมากนัก

ความเสี่ยงและข้อจำกัดของ IUI

  • โอกาสตั้งครรภ์ไม่สูงเท่าวิธีอื่น เช่น IVF หรือ ICSI
  • มีความเสี่ยงตั้งครรภ์แฝด หากกระตุ้นไข่ได้มากกว่า 1 ใบ
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีท่อนำไข่อุดตัน หรือเยื่อบุโพรงมดลูกรุนแรง
  • หากอสุจิมีความผิดปกติรุนแรง IUI อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี

สาเหตุที่ทำ IUI ไม่ติด

  • คุณภาพไข่หรือมดลูกไม่สมบูรณ์ ไข่อาจไม่สมบูรณ์พอ หรือเยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน
  • น้ำเชื้อไม่มีคุณภาพเพียงพอ แม้จะผ่านการล้างและคัดแล้ว แต่อสุจิอาจไม่แข็งแรงหรือเคลื่อนไหวไม่เพียงพอ
  • ปัจจัยภายนอกและพฤติกรรมชีวิต เช่น ความเครียดสะสม พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือฮอร์โมนแปรปรวนจากน้ำหนักตัวและพฤติกรรมการกิน

เปรียบเทียบ IUI กับ IVF และ ICSI

แม้ว่า IUI จะเป็นทางเลือกแรกสำหรับผู้ที่เริ่มรักษาภาวะมีบุตรยาก แต่บางกรณีก็อาจจำเป็นต้องใช้วิธีที่ซับซ้อนกว่านั้น เช่น IVF (เด็กหลอดแก้ว) หรือ ICSI (การฉีดอสุจิเข้าเซลล์ไข่โดยตรง)

ตารางเปรียบเทียบเบื้องต้น

เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนจาก IUI เป็น IVF/ICSI

  • ทำ IUI ติดต่อกัน 3 รอบแล้วยังไม่ตั้งครรภ์
  • อายุมากกว่า 35 ปี
  • ฝ่ายชายมีอสุจิผิดปกติขั้นรุนแรง
  • หญิงมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกผิดที่ / ท่อนำไข่มีปัญหา

สรุป – IUI เหมาะกับใคร

IUI คือวิธีรักษาภาวะมีบุตรยากที่เหมาะกับคู่รักที่ยังมีองค์ประกอบพื้นฐานทางการเจริญพันธุ์ที่ดี เช่น ท่อนำไข่ไม่อุดตัน อสุจิยังมีคุณภาพระดับหนึ่ง และอายุไม่เกิน 38 ปี

เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ประหยัด และไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับเป็น “ก้าวแรก” ของการรักษา ก่อนจะพิจารณาไปสู่วิธีขั้นสูงอย่าง IVF หรือ ICSI

ที่ Fertiva Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษา และแนะนำแนวทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณและคนที่คุณรัก

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ไม่เจ็บอย่างที่คิด ขั้นตอนการฉีดเชื้อจะใช้สายสวนขนาดเล็ก ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที และไม่ต้องวางยาหรือพักฟื้น

โดยเฉลี่ยอาจต้องทำ 1–3 รอบ หากยังไม่ตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาวิธีอื่นที่เหมาะสม

ควรนอนพักประมาณ 10–15 นาทีหลังทำเสร็จ จากนั้นสามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

หากคุณอายุต่ำกว่า 35 ปี มีท่อนำไข่ปกติ และฝ่ายชายมีอสุจิพอใช้ได้ แนะนำให้เริ่มจาก IUI ก่อน
แต่ถ้าคุณอายุมากกว่า 35 ปี หรือมีประวัติไม่ประสบความสำเร็จจาก IUI ควรพิจารณา IVF/ICSI

แนะนำให้รอประมาณ 14 วัน แล้วจึงตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน hCG ซึ่งจะแม่นยำกว่าการตรวจปัสสาวะ

ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายต่อยากระตุ้นไข่ ส่วนใหญ่จะมีไข่ตก 1–3 ใบต่อรอบ

ไม่สามารถเลือกเพศได้อย่างแน่นอนในวิธี IUI และการเลือกเพศยังมีข้อจำกัดด้านกฏหมายและจริยธรรม ยกเว้นกรณีที่จำเป็นต้องคัดเพศเพื่อหลีกเลี่ยงการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรม ซึ่งต้องใช้การทำ IVF/ICSI เท่านั้น