ฝากสเปิร์ม วางแผนอนาคตการมีบุตรได้ แม้ยังไม่พร้อมวันนี้

การฝากสเปิร์ม (Sperm Freezing) คืออีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ชายยุคใหม่ที่ต้องการวางแผนชีวิตครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะยังไม่พร้อมมีลูกในตอนนี้ หรือมีเหตุผลทางการแพทย์ที่จำเป็น การเก็บสเปิร์มไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า โอกาสมีลูกในอนาคตจะยังคงอยู่กับคุณเสมอ

ฝากสเปิร์ม คืออะไร

การฝากสเปิร์ม คือ กระบวนการเก็บน้ำเชื้อของผู้ชาย แล้วนำไปแช่แข็งไว้ในอุณหภูมิ −196°C โดยใช้ไนโตรเจนเหลวในห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง เพื่อรักษาคุณภาพของสเปิร์มให้สามารถนำกลับมาใช้ในการมีบุตรในอนาคตได้

ฝากสเปิร์ม vs เก็บสเปิร์ม ต่างกันไหม

คำว่า “ฝากสเปิร์ม” และ “เก็บสเปิร์ม” มีความหมายเหมือนกัน แต่คำว่า “ฝากสเปิร์ม” มักใช้ในแง่ของการวางแผนเพื่ออนาคต ส่วนคำว่า “เก็บสเปิร์ม” บางครั้งใช้กับการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจเช็กคุณภาพในระยะสั้น

เทรนด์ใหม่ของผู้ชายยุคใหม่

ปัจจุบันมีผู้ชายจำนวนมากที่ตัดสินใจฝากสเปิร์มไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งในกลุ่มนักธุรกิจ นักกีฬา ไปจนถึงผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาโรคร้ายแรง เพื่อเก็บความสามารถในการมีบุตรไว้ใช้งานในวันที่พร้อม

ฝากสเปิร์มเพื่ออะไร

การฝากสเปิร์มเป็นเรื่องที่มากกว่าแค่การ “เก็บเชื้อ” แต่มันคือ การรักษาความสามารถในการมีลูก ในวันที่ร่างกายอาจไม่สามารถผลิตสเปิร์มได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

เพื่อเก็บรักษาความสามารถในการมีบุตร

ในบางสถานการณ์ เช่น อายุมากขึ้น, โรคทางพันธุกรรม, หรือผลข้างเคียงจากยารักษาโรค ร่างกายอาจไม่สามารถผลิตอสุจิคุณภาพดีได้ การฝากสเปิร์มไว้ก่อนจึงเป็นเหมือน “ประกันอนาคต” ที่ดีที่สุด

เพื่อใช้ในวันที่ยังไม่พร้อมมีลูก

ผู้ชายบางคนยังไม่พร้อมมีลูกด้วยเหตุผลทางอาชีพ หรือยังไม่เจอคู่ชีวิต การฝากสเปิร์มตอนอายุยังน้อย จะช่วยเก็บคุณภาพอสุจิไว้ใช้ในวันที่ตัดสินใจสร้างครอบครัว

เพื่อรองรับการรักษาโรค

ในกรณีที่ต้องทำเคมีบำบัด รังสีบำบัด หรือผ่าตัดอัณฑะ แพทย์มักแนะนำให้ฝากสเปิร์มไว้ก่อน เพื่อป้องกันการสูญเสียความสามารถในการสืบพันธุ์อย่างถาวร

ฝากสเปิร์ม-เพื่ออะไร
ฝากสเปิร์ม-เพื่ออะไร

เพื่อเก็บรักษาความสามารถในการมีบุตร

ในบางสถานการณ์ เช่น อายุมากขึ้น, โรคทางพันธุกรรม, หรือผลข้างเคียงจากยารักษาโรค ร่างกายอาจไม่สามารถผลิตอสุจิคุณภาพดีได้ การฝากสเปิร์มไว้ก่อนจึงเป็นเหมือน “ประกันอนาคต” ที่ดีที่สุด

เพื่อใช้ในวันที่ยังไม่พร้อมมีลูก

ผู้ชายบางคนยังไม่พร้อมมีลูกด้วยเหตุผลทางอาชีพ หรือยังไม่เจอคู่ชีวิต การฝากสเปิร์มตอนอายุยังน้อย จะช่วยเก็บคุณภาพอสุจิไว้ใช้ในวันที่ตัดสินใจสร้างครอบครัว

เพื่อรองรับการรักษาโรค

ในกรณีที่ต้องทำเคมีบำบัด รังสีบำบัด หรือผ่าตัดอัณฑะ แพทย์มักแนะนำให้ฝากสเปิร์มไว้ก่อน เพื่อป้องกันการสูญเสียความสามารถในการสืบพันธุ์อย่างถาวร

ใครบ้างที่ควรพิจารณาฝากสเปิร์ม

การฝากสเปิร์มไม่ใช่แค่สำหรับคนป่วย แต่เหมาะกับทุกคนที่ต้องการวางแผนครอบครัวล่วงหน้า โดยเฉพาะกลุ่มต่อไปนี้:

ใครบ้างที่ควรพิจารณาฝากสเปิร์ม

ผู้ชายที่ต้องการวางแผนมีลูกในอนาคต

คุณอาจยังไม่พร้อมในตอนนี้ แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงปล่อยให้คุณภาพอสุจิลดลงเมื่ออายุมากขึ้น การฝากสเปิร์มตอนสุขภาพยังดี จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและคุ้มค่า

ผู้ที่มีภาวะอสุจิน้อย หรือเคลื่อนไหวผิดปกติ

หากเคยตรวจพบว่าสเปิร์มคุณภาพต่ำ หรือมีแนวโน้มลดลงตามเวลา ควรรีบเก็บไว้ในช่วงที่ยังมีปริมาณและคุณภาพดี

ผู้ที่กำลังจะเข้ารับการรักษามะเร็ง หรือผ่าตัดสำคัญ

การรักษาบางอย่างอาจทำให้ระบบสืบพันธุ์หยุดทำงานถาวร ดังนั้น การฝากสเปิร์มไว้ก่อนเริ่มการรักษาจึงเป็นมาตรการป้องกันที่สำคัญมาก

คู่รักที่วางแผนทำ IUI / IVF / ICSI

ในกระบวนการเจริญพันธุ์เทียม (เช่น ICSI) คู่ชายควรมีตัวอย่างน้ำเชื้อสำรองไว้ล่วงหน้า เพื่อป้องกันกรณีที่ไม่สามารถเก็บใหม่ได้ในวันจริง

ขั้นตอนการฝากสเปิร์ม

ขั้นตอนการฝากสเปิร์ม

การฝากสเปิร์มเป็นกระบวนการที่ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาเพียงไม่นาน และสามารถนัดทำได้ตามความสะดวก โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:

การเก็บตัวอย่างน้ำอสุจิ

    • ผู้ป่วยจะเก็บตัวอย่างน้ำเชื้อด้วยตนเองในห้องที่มีความเป็นส่วนตัว
    • ควรงดการหลั่งอย่างน้อย 2–5 วันก่อนวันเก็บเพื่อให้ได้สเปิร์มคุณภาพดีที่สุด
    • หากไม่สามารถเก็บในวันที่นัด แพทย์อาจพิจารณาเก็บไว้ล่วงหน้าหรือใช้วิธีช่วยเก็บจากอัณฑะในบางกรณี

การตรวจวิเคราะห์คุณภาพสเปิร์ม

ตัวอย่างน้ำอสุจิจะถูกนำไปวิเคราะห์ทันที โดยดูคุณสมบัติเช่น:

    • ปริมาณอสุจิ
    • ความเคลื่อนไหว
    • รูปร่างของอสุจิ
    • ความแข็งแรงของเยื่อหุ้มเซลล์

การแช่แข็งและเก็บรักษาในห้องปฏิบัติการ

เมื่อยืนยันว่าคุณภาพสเปิร์มเหมาะสมแล้ว นักวิทยาศาสตร์จะผสมสเปิร์มกับสารปกป้องเซลล์ แล้วนำไปแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลวในอุณหภูมิ -196°C

การนำสเปิร์มกลับมาใช้ในอนาคต

เมื่อคุณพร้อมจะมีลูก หรือเข้าสู่กระบวนการ IUI / IVF / ICSI ทีมแพทย์จะทำการละลายตัวอย่างสเปิร์ม และนำมาใช้ในการปฏิสนธิอย่างเหมาะสม

เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บสเปิร์ม

ที่ Fertiva Clinic เราใช้เทคโนโลยีการแช่แข็งแบบเดียวกับคลินิกมาตรฐานระดับโลก เพื่อคงคุณภาพของสเปิร์มไว้อย่างดีที่สุด

รูปหัวข้อฝากสเปิร์ม_1

ระบบแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลว (Liquid Nitrogen Freezing)

  • เก็บรักษาในอุณหภูมิ -196°C ซึ่งทำให้กิจกรรมของเซลล์หยุดชั่วคราว
  • ไม่เกิดผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ทำลายโครงสร้างภายในอสุจิ
รูปหัวข้อฝากสเปิร์ม_2

ระบบควบคุมอุณหภูมิและความปลอดภัย

  • ใช้ระบบเซนเซอร์อัตโนมัติแจ้งเตือนความผิดปกติแบบเรียลไทม์
  • มีระบบสำรองไฟและระบบบริหารความปลอดภัยระดับห้องปลอดเชื้อ

การจัดการข้อมูลด้วยระบบรหัสเฉพาะบุคคล

  • ตัวอย่างสเปิร์มจะถูกติดตามด้วย รหัสเฉพาะ (Anonymous ID)
  • ป้องกันความผิดพลาด และรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการสูงสุด

ฝากสเปิร์มไว้ได้นานแค่ไหน

แม้จะเป็นเซลล์ที่บอบบาง แต่ด้วยเทคโนโลยีการแช่แข็งสมัยใหม่ สเปิร์มสามารถถูกเก็บรักษาไว้ได้นานหลายปีโดยไม่เสื่อมคุณภาพ

ระยะเวลาการเก็บรักษาตามมาตรฐาน

    • โดยทั่วไปสามารถเก็บได้ตั้งแต่ 1 ปี ไปจนถึง 10–20 ปี
    • ขึ้นอยู่กับความพร้อมของคลินิกและข้อตกลงการดูแลรักษา

คุณภาพสเปิร์มหลังละลาย

    • หากกระบวนการแช่แข็งและละลายทำอย่างถูกต้อง สเปิร์มสามารถกลับมาใช้งานได้ในกระบวนการ ICSI / IVF โดยมีโอกาสปฏิสนธิไม่ต่างจากสเปิร์มสด

ข้อควรรู้เมื่อจะนำมาใช้

    • ก่อนใช้งาน แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจคุณภาพอีกครั้ง
    • หากมีปัญหาในการละลายสเปิร์มรอบแรก ควรมีการเก็บไว้มากกว่า 1 ตัวอย่างเพื่อความปลอดภัย

ค่าใช้จ่ายในการฝากสเปิร์ม

ค่าใช้จ่ายในการฝากสเปิร์มสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้:

ค่าตรวจวิเคราะห์อสุจิ

    • ประเมินความสมบูรณ์ของน้ำเชื้อ เช่น ปริมาณ ความเคลื่อนไหว และรูปร่าง
    • ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: 2500 บาท

ค่าแช่แข็งสเปิร์ม (ครั้งแรก)

    • รวมค่ากระบวนการเตรียมตัวอย่างและนำเข้าสู่กระบวนการแช่แข็ง
    • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย: 7,000 – 15,000 บาท/ครั้ง (ขึ้นอยู่กับจำนวนตัวอย่าง และการให้บริการแบบเร่งด่วน/ไม่เร่งด่วน)

ค่าฝากรายปี

    • ค่าดูแลรักษาสเปิร์มในระบบควบคุมอุณหภูมิ
    • เริ่มต้นที่ 3,000 – 8,000 บาท/ปี

พิเศษ: ที่ Fertiva Clinic มีแพ็กเกจราคาพิเศษสำหรับการฝากระยะยาว เช่น 3 ปี / 5 ปี

การเตรียมตัวก่อนฝากสเปิร์ม

การเตรียมตัวที่ดีช่วยให้ได้คุณภาพสเปิร์มสูงสุดสำหรับการเก็บในระยะยาว

งดการหลั่งก่อนเก็บ 2–5 วัน

เพื่อให้ได้ปริมาณและความเข้มข้นของอสุจิที่ดีที่สุด ควรงดการมีเพศสัมพันธ์หรือช่วยตัวเองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน และไม่เกิน 5 วัน

งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือใช้ยาบางชนิด

    • พฤติกรรมเหล่านี้มีผลต่อความแข็งแรงของอสุจิ
    • ควรงดก่อนฝากสเปิร์มอย่างน้อย 1 สัปดาห์

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ

อาหารที่มีสังกะสี (Zinc), วิตามิน C, E และโอเมก้า 3 จะช่วยเสริมคุณภาพสเปิร์มได้อย่างดี

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

สามารถเก็บได้นาน 10–20 ปี หากแช่แข็งด้วยระบบไนโตรเจนเหลวและดูแลโดยคลินิกที่มีมาตรฐาน

แนะนำให้งด 2–5 วัน เพื่อให้ได้คุณภาพดีที่สุดของอสุจิในวันเก็บตัวอย่าง

ได้ครับ คุณสามารถนำมาใช้ได้เมื่อต้องการทำ IUI, IVF หรือ ICSI โดยคุณภาพของสเปิร์มจะยังคงเหมือนกับวันที่แช่แข็ง

หากแช่แข็งด้วยเทคโนโลยีที่ถูกต้อง คุณภาพแทบไม่ลดลงเลย โดยเฉพาะเมื่อใช้ในกระบวนการ ICSI ที่ต้องการอสุจิคุณภาพแม้เพียง 1 ตัว

ไม่เจ็บครับ การเก็บตัวอย่างสเปิร์มใช้วิธีเก็บด้วยตนเองในห้องส่วนตัว ไม่ต้องผ่าตัด ในบางกรณีที่ไม่สามารถหลั่งได้ แพทย์อาจแนะนำวิธีเก็บจากอัณฑะ (PESA/TESE) ซึ่งจะใช้ยาชาเฉพาะที่

สรุป – ฝากสเปิร์ม: ปกป้องอนาคตความเป็นพ่อ ตั้งแต่วันนี้

การฝากสเปิร์ม ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะมันคือการวางแผนอนาคตอย่างมีสติ ป้องกันความเสี่ยง และเตรียมความพร้อมให้กับชีวิตครอบครัว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ เวลา หรือความมั่นใจในตัวเอง

ที่ Fertiva Clinic เราดูแลกระบวนการทุกขั้นตอนด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ พร้อมห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานระดับสากล